ลิเวอร์พูล VS ไบรท์ตัน

0
97

ลิเวอร์พูล VS ไบรท์ตัน เจาะลึก 5 ประเด็นสำคัญชัยชนะที่คล็อปป์ไม่ปลื้ม

ลิเวอร์พูล VS ไบรท์ตัน ในเกมการแข่งขันนัดนี้ แฟนบอลและคนดูทุกคนคงเห็น เจอร์เก้น คล็อปป์ โมโหใส่ลูกทีมอย่างหนัก ที่เล่นบอลแบบไม่คิดจะส่งบอลให้เพื่อนเลย คล็อปป์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกทีมของเขา เราจะเห็นได้ว่า คล็อปป์ยืนตะโกนใส่ลูกทีมอยู่ตลอดว่า PASS THE BALL หรือก็คือ ส่งบอลสิโว้ยย! ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจว่า ทำไมกองหน้าถึงเล่นให้มันยากขนาดนั้น บางจังหวะควรส่งไม่ส่งลากไปเองสุดท้ายก็เสียจังหวะเพราะลากไปเองนั้นแหละ ในบทความนี้เราจะมาเจาะ 5 ประเด็นสำคัญกับชัยชนะ ของลิเวอร์พูลครั้งนี้

ลิเวอร์พูล VS ไบรท์ตัน เจาะลึก 5 ประเด็นสำคัญ กับชัยชนะใน แอนด์ฟิลด์ ที่ คล็อปป์ไม่ปลื้มอยา่งแรง

ประเด็นที่ 1 : อย่างที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้บอกเอาไว้ว่า การแพ้ให้ถูกเกม ก็เป็นศิลปะอีกอย่างของฟุตบอลเช่นเดียวกัน เพราะในเมื่อคุณชนะ ชนะ ชนะ ติดต่อกันมาหลายนัด มันก็จะมีความเครียดที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆกับลูกทีม เพราะลูกทีมของคุณจะกดดันตัวเอง ด้วยความคิดที่ว่าจะต้องชนะไปเรื่อยๆ ห้ามแพ้เด็ดขาด แต่เมื่อลิเวอร์พูลแพ้อินเตอร์ ในเกมเลก 2 ของแชมเปี้ยนส์ลีกมาแล้ว ความกดดันจึงลดลงไปมาก ไม่ต้องมากังวลเรื่องการรักษาสถิติชนะรวด แค่กลับมาโฟกัสกับเกมของตัวเองก็พอแล้วนั่นเอง

ประเด็นที่ 2 : ลิเวอร์พูลในตอนนี้อยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงมากๆ ในพรีเมียร์ลีก อีกทั้งยังเป็นทีมที่ทำคะแนนได้สูงที่สุดตั้งแต่เข้าสู่ปี 2022 เป็นทีมลุ้นแชมป์กับแมนฯ ซิตี้ ทีมเดียวเท่านั้น ในทางตรงข้ามคู่แข่งคือไบรท์ตัน อยู่ในช่วงฟอร์มขาลงอย่างมาก 4 เกมหลังสุดสะกดเป็นแต่คำว่าแพ้ แต่การเล่นในบ้านตัวเองที่เคยเป็นจุดแข็งก็เริ่มตื้อตัน ยิงใครไม่ได้มา 2 เกมติดแล้ว แต่ด้วยการทำผลงานไว้ดีในช่วงต้นซีซั่น ทำให้ไม่ต้องกังวลกับการตกชั้น โดยตอนนี้ห่างจากโซนสีแดงมากถึง 12 คะแนน ถ้าฟอร์มจากนี้ไม่เลวร้ายเกินไปจริงๆ ยังไงก็อยู่รอดในฤดูกาลนี้

ประเด็นที่ 3 : การเจอกัน 3 นัดหลังสุดของลิเวอร์พูลกับไบรท์ตัน เหลือเชื่อว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเอาชนะไบรท์ตันได้เลย แบ่งเป็นเสมอ 2 แพ้ โดยเกมในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก เกมนั้นลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 2-0 เหมือนจะเป็นเกมที่สบายๆ แต่สุดท้ายกลับปิดเกมไม่ลง ทั้งที่เป็นฝ่ายเหนือกว่าอย่างชัดเจนมากๆ และตายด้วยความผิดพลาดเล็กน้อย จนกระทั่งโดนตีเสมอ 2-2 เป็นเกมที่สาวกเดอะค็อป ยังบ่นเสียดายจนถึงวันนี้ ดังนั้นการแข่งครั้งนี้คือเวลาเหมาะที่สุด ที่จะหยุดสถิติไม่ชนะไบรท์ตัน 3 นัดลงให้ได้เสียที ซึ่งก็ทำได้จริงๆ

ประเด็นที่ 4 : ก่อนเกมการแข่งขันกับ ไบรท์ตัน มีข่าวว่านักเตะของ ลิเวอร์พูล 3 คนนั้นติดโควิด ได้แก่ ฟาน ไดค์, ติอาโก้ และ โกนาเต้ แต่พอไลน์อัพออกมาจริงๆ ฟาน ไดค์ ได้ลงตัวจริง ส่วนติอาโก้เป็นตัวสำรองในเกมนี้ เชื่อว่าคล็อปป์จะเก็บเขาไว้ ให้ร่างกายพร้อมมากที่สุดเพื่อเจอเกมกับอาร์เซน่อลกลางสัปดาห์ ส่วนนักเตะที่มีแนวโน้มว่าจะติดโควิดจริงๆ จึงเหลือแค่โกนาเต้เท่านั้น สำหรับแนวรุกของลิเวอร์เกมนี้ จะเป็นดิอาซ-มาเน่-ซาลาห์ อีกครั้ง ดูจะเป็นคอมบิเนชั่นที่คล็อปป์ชอบที่สุดในตอนนี้ไปซะแล้ว เพราะในนัดชิงคาราบาวคัพก็ใช้ 3 คนนี้ลงเช่นเดียวกัน

ประเด็นที่ 5 : เมื่อเกมเริ่มขึ้น การแข่งครั้งนี้ลิเวอร์พูลได้ประตูตั้งแต่นาทีที่ 19 จากจังหวะการเติมเกมขึ้นสูงของโจเอล มาติป ก่อนที่จะโยนบอลยาวเหมือนควอเตอร์แบ็ก จนบอลนั้นพุ่งมาที่หลุยส์ ดิอาซ ที่จุดนัดพบ ดิอาซโหม่งเร็วตามสัญชาตญาณในทันที บอลลอยเข้าประตูไปอยา่งง่ายดาย ลิเอวร์พูลออกนำทันที 1-0 โดยมี โจเอล มาติป เป็นคนแอสซิสต์ลูกนี้ ประกาศให้โลกรู้ว่าเขาคือกองหลังที่ดีมากขนาดไหน สำหรับ โจเอล มาติป ในเดือนกุมภาพันธ์เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพรีเมียร์ลีกจากผลงาน ลงเล่น 4 นัดช่วยทีมชนะรวด พร้อมเก็บคลีนชีทไป 3 นัด

และยังมีอีก 1 ประตู และ 1 แอสซิสต์อีกด้วย ซึ่งในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล มีกองหลังเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น ที่เคยได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนก่อนหน้ามาติป ก็จะมีดังนี้ ซามี่ ฮูเปีย เดือนพฤศจิกายน ปี 1999 , เวอร์จิล ฟาน ไดค์ เดือน ธันวาคม ปี 2018 , เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เดือน ธันวาคม ปี 2019 และ เดือน พฤศจิกายน 2021 จนตอนนี้มาติปกลายเป็นนักเตะหนึ่งในนั้นแล้ว มาติปยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ เขาได้รับการยกย่องจากแฟนลิเวอร์พูลว่า “ตัวฟรี” ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม เทียบเท่ากับเจมส์ มิลเนอร์ และในเกมนี้เขาก็ปล่อยของด้วยการแอสซิสต์อีกแล้ว

ตลอดทั้งเกม ไบรท์ตัน ไม่ได้สร้างความน่ากลัวให้ลิเวอร์พูลมากมากยอะไรนัก หงส์แดงลิเวอร์พูล แค่เล่นไปตามจังหวะเท่นั้น และก็มีโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับปิดไม่ลงกันเอง เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลก็ได้ประตูขึ้นนำ 2-0 จากลูกยิงของนาบี เกอิต้า ที่ไปโดนแขนอีฟ บิซซูม่าเต็มๆ กรรมการชี้จุดโทษไม่ลังเล เพราะยกแขนขึ้นมาแบบผิดธรรมชาติ และขวางทิศทางที่อาจเป็นประตูได้โม ซาลาห์ รับหน้าที่ยิงแล้วอัดไปตรงกลางเต็มแรง ลิเวอร์พูลนำ 2-0 นี่เป็นประตูที่ 20 ของซาลาห์ ในฤดูกาลนี้ นั่นแปลว่า ใน 5 ฤดูกาลที่ลงเล่นกับลิเวอร์พูล ซาลาห์ยิงได้ทะลุ 20 ประตูไปมากถึง 4 ฤดูกาลแล้ว

ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ soccerlivescore

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here